การสร้างสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้า

สิ่งที่เราควรทำหลังรับเชื่อแล้ว

สิ่งที่ควรทำเมื่อตัดสินใจรับ เชื่อพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดคือ การแสวงหาการครอบครองหรือสร้าง ความสัมพันธ์กับพระองค์ โดยผ่านการอธิษฐาน การขอบพระคุณ การอ่านพระคัมภีร์ และการนมัสการ หรือที่รู้จักกันว่าเป็นการเฝ้าเดี่ยว


นอกจาก นั้นเราควรมีการใช้เวลาร่วมกันกับพี่น้องคริสเตียน ในส่วนที่เราร่วม อยู่ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันและกัน และเรียนรู้จักพระเจ้าผ่านกัน และกันมากขึ้น



สิ่งที่เราไม่ควรทำหลังรับเชื่อแล้ว

สิ่ง ที่ไม่ควรทำเมื่อตัดสินใจรับเชื่อพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดคือ การ ประพฤติต่างๆที่นำให้เราออกห่างจากน้ำพระทัยของพระเจ้าหรือกฎเกณฑ์ของ พระองค์ โดยการกระทำความบาปต่างๆ (สิ่งที่ขัดต่อพระคัมภีร์) คิดในสิ่งที่ ไม่ดี พูดในสิ่งที่ไม่ดี อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งคือการปลีกตัว อยู่คนเดียว การที่เราปลีกตัวอยู่คนเดียวมักทำให้ความเชื่อของเราลดลงและอ่อนกำลังด้านจิตวิญญาณ

การสร้างสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้า

คุณ เคยมีเพื่อนสนิทขนาดนี้บางไหม? รักคุณแบบซึ่งคุณเป็น ไม่ว่าคุณจะรวยหรือ จน เขาจะอยู่กับคุณเสมอไม่ว่าสุขหรือทุกข์ ระบายปัญหาหนักอกหนักใจกับเขาได้ ทุกเรื่อง บางครั้งเขาเป็นเพื่อน/แม่/ที่ปรึกษาก็ได้ เก็บความลับของคุณได้ ทุกเรื่อง ซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาเสมอ สละชีวิตเพื่อคุณได้ คุณเป็นคนพิเศษ สำหรับเขาเสมอ เพื่อนคนนี้ชื่อ พระเยซู


แล้ว เราต้องใช้เวลานานเท่าไรที่จะมีเพื่อนสนิทกับเขาสักคน คุณต้องใช้เวลาศึกษา กันนานแค่ไหน กว่าคุณจะแน่ใจว่าเขาคือเพื่อนสนิทของคุณ หากความสัมพันธ์ของ คนเรายังต้องใช้เวลา ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพระเยซูก็เช่นกัน ต้องใช้ เวลาเรียนรู้จักพระองค์มากขึ้นทุกๆวัน วิธีต่อไปนี้เป็นแนวทางที่จะช่วยให้ คุณได้รู้จักเพื่อนคนนี้และสนิทกับเขามากยิ่งขึ้น

1. การมาคริสตจักร

การ มาคริสตจักร/โบสถ์ ไม่ใช่กฎเกณฑ์ หรือข้อบังคับ แต่เป็นการนัดพบที่จะทำให้ คุณได้รู้จักกับพระเยซูมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการได้มีโอกาสแสดงความรักของคุณ ต่อพระองค์ โดยการนมัสการสรรเสริญพระองค์ในพระนิเวศของพระองค์ และฟังคำ เทศนาสั่งสอนจากอาจารย์ศิษยาภิบาล ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจพระคำของพระเจ้า อีก ทั้งจะได้พบกับพี่น้องคริสเตียนคนอื่น ซึ่งสามารถให้คำแนะนำ ให้กำลัง ใจ ช่วยเหลือ เมื่อคุณมีปัญหา/ข้อสงสัย คุณจะได้สัมผัสถึงการทรงสถิตอยู่ของ พระองค์ในชีวิตของพี่น้องคริสเตียนอื่นๆ จะทำให้คุณมีความเชื่อและเติบโตทาง ด้านจิตวิญญาณมากยิ่งขึ้น

2. การเข้ากลุ่มพัฒนาชีวิต (กลุ่มกพช.)

ถึง แม้การไปร่วมนมัสการที่คริสตจักรช่วยให้คุณได้รับการพัฒนาความสัมพันธ์กับ พระเจ้าได้ระดับหนึ่งแล้วก็ดี แต่การเข้าร่วมประชุมกลุ่มพัฒนา ชีวิต หรือ กลุ่มกพช. หรือโดยทั่วไปเรียกว่ากลุ่มเซล (Cell) เป็นช่องทาง สำคัญอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยผู้เชื่อทุกคนในการพัฒนาความสัมพันธ์กับพระ เจ้าและความสัมพันธ์กับพี่น้องคริสเตียนได้ดียิ่งขึ้น

กลุ่ม กพช. เป็นการร่วมกลุ่มขนาด 4-12 คนระหว่างสัปดาห์ ร่วมกันทำกิจกรรม ต่างๆ เช่น การศึกษาพระคัมภีร์ร่วมกัน การอธิษฐานและนมัสการพระเจ้า การ ประกาศและเป็นพยานในความดีที่พระเจ้าทำเพื่อเรา เป็นต้น เนื่องจากกลุ่มกพช .เป็นกลุ่มขนาดเล็กทำให้สมาชิกที่อยู่ในกลุ่มสามารถช่วยให้คำปรึกษาและแนะนำ ผู้เชื่อใหม่ได้เป็นอย่างใกล้ชิดกว่า รวมทั้งภายในกลุ่มสามารถช่วยอธิษฐาน เผื่อปัญหาต่างๆระหว่างกันได้ดีกว่าเช่นกัน การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่ น้องคริสเตียนภายในกลุ่มจะช่วยให้คุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้ามากขึ้น ด้วย

3. อธิษฐานส่วนตัว

การอธิษฐานเป็นอีกช่องทาง หนึ่งที่คุณสามารถพูดคุยกับพระองค์ ให้ทุกวันของคุณได้มีโอกาสใช้เวลาสงบ ต่อหน้าพระพักตร์พระองค์ในสถานทีที่เป็นการส่วนตัวกับพระองค์เป็นประจำ สัก 10-15 นาที ในตอนเช้าหรือก่อนเข้านอน ที่จะพูดคุณกับพระองค์ สำหรับการ อธิษฐานนั้นไม่มีรูปแบบตายตัวว่าต้องอยู่ในท่านั้นหรือท่านี้ตลอด อีกทั้งใน ระหว่างการดำเนินชีวิตในแต่ละวันคุณก็สามารถอธิษฐานต่อพระองค์ได้ทุกสถานที่ และทุกเวลาที่คุณระลึกถึงพระองค์ หรือต้องการกำลังใจ หรือการช่วยเหลือ คุณ ไม่จำเป็นจะต้องใช้ศัพท์สูงๆ หรืออธิษฐานยืดยาว พระองค์ไม่เคยสนพระทัยว่า คุณอธิษฐานได้ไพเราะขนาดไหน แต่สนใจที่หัวใจของคุณต่างๆหาก ดังนั้นคุณจึง พูดคุยกับพระองค์ได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเล็กประติ้วหรือหนักหนา สาหัสแค่ไหน พระองค์มีเวลาให้คุณเสมอ

4. การนมัสการ

คุณ สามารถร้องเพลงนมัสการพระเจ้าเวลาใดก็ได้ที่คุณระลึกถึงพระองค์ หรือก่อนการ อ่านพระคัมภีร์ หรือก่อนการอธิษฐาน เนื้อหาของเพลงนมัสการพระเจ้าโดยทั่วไป เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการสรรเสริญความดีงาม ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า หรือ ระบายความในใจของเราในการอยากใกล้ชิดพระเจ้า ระบายความทุกข์ร้อนที่ต้องการ ในพระองค์ช่วยกู้ และการขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงช่วยเหลือเราเป็นต้น

โดย ทั่วไปการนมัสการจะควบคู่ไปกับการอธิษฐานเสมอ คุณสามารถนมัสการ (ร้อง เพลง) สลับไปกับการอธิษฐานต่อพระเจ้า พระคัมภีร์สอนเราว่า พระเจ้าสถิตอยู่ เหนือการนมัสการพระองค์ เมื่อนมัสการพระเจ้าคุณจะสัมผัสได้ถึงการทรงสถิต ของพระเจ้าในเวลานั้น เนื้อเพลงนมัสการพระเจ้าจะช่วยในจิตใจของคุณได้ใกล้ ชิดพระเจ้าได้มากยิ่งขึ้น และในหลายกรณีการนมัสการพระเจ้าช่วยให้ความเชื่อ ของเราเพิ่มขึ้นด้วย

คุณควรหาเวลาส่วนตัวใน การนมัสการพระเจ้าทุกวันอย่างสม่ำเสมอ อาจจะวันละหลายๆครั้งก็ได้ และการ ร้องเพลงนมัสการพระเจ้าไม่จำเป็นต้องออกเสียงเสมอไป ดังนั้นคุณสามารถร้อง เพลงนมัสการพระเจ้าในใจเมื่อใดก็ได้เช่นกัน

5. อ่านพระคัมภีร์

พระ คัมภีร์คือถ้อยคำพระเจ้ามาถึงคุณ แม้ขณะที่คุณจะมองไม่เห็นพระองค์ แต่ พระองค์ก็ได้ให้พระคำของพระองค์มายังคุณเพื่อคุณจะรู้จักพระองค์มากยิ่ง ขึ้น พระเจ้าจะทรงตรัสกับคุณได้ทุกวันโดยผ่านพระคัมภีร์ พระองค์ทรงเปิดเผย ถึงความรัก พระลักษณะของพระองค์ ตลอดจนพระประสงค์ของพระองค์ผ่านพระ คัมภีร์ ขอให้คุณอ่าน ศึกษา ใคร่ครวญพระคำของพระเจ้าทุกวัน (ซึ่งคุณจะศึกษา พระคัมภีร์โดยใช้คู่มือเฝ้าเดี่ยวก็ได้) ว่าพระคำตอนนั้นพระองค์ทรงต้องการ บอกอะไร พระองค์รู้สึกอย่างไร ในขณะที่คุณกำลังอ่านพระคัมภีร์ให้คุณอธิษฐาน ขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ให้สติปัญญาและความเข้าใจกับคุณ เพื่อให้คุณสามารถ นำสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากพระคัมภีร์มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ แต่ หากคุณมีข้อสงสัยในข้อพระคำที่คุณอ่าน ขอให้ปรึกษากับศิษยาภิบาลของคริสต จักร หรือพี่เลี้ยงของคุณที่ทางคริสตจักรได้จัดให้จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจ พระคำของพระเจ้าได้มากยิ่งขึ้น

ถ้าคุณสนใจในการอ่านพระคัมภีร์อย่าง สม่ำเสมอและนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อฟังแล้ว ในไม่ช้าคุณจะสนิท สนมกับเพื่อนสนิทของคุณคนนี้มากขึ้น คุณจะทราบได้ว่าพระองค์ชอบอะไร ไม่ชอบ อะไร และคุณควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อเป็นที่ชอบพระทัยพระองค์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น