“ผ่าทางตัน” (Breakthrough)


มีคำแนะนำสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการประสบความล้มเหลวในชีวิต

คือท่านจะต้องไม่รู้จักคำเหล่านี้ คือคำว่า.

ไม่มีทาง

ทำไม่ได้

เป็นไปได้ยาก

เมินเสียเถอะ

อย่าพยายามเสียให้ยากเลย


และจงลืมถ้อยคำแห่งการล้มละลายทางด้านความเชื่อเหล่านี้

ไม่มีใครรักฉัน

ไม่มีใครช่วยเหลือฉันหรือ

ฉันอ่อนแอเกินไป

ยากจนเกินไป

ต่ำต้อยและมีความรู้น้อย

ไม่มีใครยอมให้โอกาสฉันเลย

ทุกคนวิ่งไปข้างหน้าและละทิ้งฉันไว้เพียงคนเดียว


ชีวิตของคริสเตียน

มีเรื่องที่ตื่นเต้นในฝ่ายจิตวิญญาณ

น่าหวาดเสียว ท้าทาย เสี่ยงชีวิต ทุลักทุเล

ปีนป่ายหน้าผาแห่งความเชื่อที่สูงชันอยู่ตลอดเวลา

ผจญกับการโจมตีของผีมารซาตาน

และเนื้อหนังอยู่ทุกวี่ทุกวัน

เปาโลเองแม้ว่าจะเป็นอัครทูตผู้ยิ่งใหญ่

แต่ท่านก็หนีไม่พ้นประสบการณ์ที่เลวร้ายในชีวิต

วันหนึ่งท่านก็กล่าวว่า ข้าพเจ้าคาดว่าข้าพเจ้าถึงตายแล้ว แต่ว่ายังมีชีวิตอยู่


ในพระธรรมอพยพ ๑๔.๑-๓๑

โมเสสได้พาชนชาติอิสราเอลอพยพออกจากการเป็นทาสของอียิปต์

กำลังเดินทางไปยังคานาอันแผ่นดินของพระสัญญาของพระเจ้า

ซึ่งอุดมด้วยน้ำผึ้งและน้ำนม(คงจะเหมือนแหลมทองของไทยที่

ในน้ำมีปลา ในนามีข้าวแต่เมื่อพวกเขามาถึงริมฝั่งทะเลแดงก็พบว่าเป็น

ทางตัน! ตายกับตายเท่านั้น!


เมื่อมองไปข้างหน้าก็มีทะเลใหญ่ขวางกั้น

มองไปข้างๆก็มีภูเขาสูงชันและทะเลทรายอันแห้งแล้ง

เมื่อเหลียวกลับไปดูข้างหลัง

ก็เห็นกองทัพมหึมาของกษัตริย์ฟาโรห์รุกไล่ติดตามมา

พวกยิวนับล้านคนต่างขวัญหนีดีฝ่อ

คิดได้อย่างเดียวเท่านั้นคือ

วันสุดท้ายในชีวิตมาถึงแล้ว

(ไม่แน่ใจว่า พวกเขารีบกล่าวคำอำลากันกันหรือเปล่า?)


แต่พวกเขาลืมไปอย่างหนึ่ง คือ

แหงนมองขึ้นไปข้างบน

เพื่อขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่

พวกเขาไม่ได้ตระหนักว่า

พระเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่!


ในเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานนี้

เราจะเห็นว่า ชนชาติอิสราเอลพากันมองดูสถานการณ์

แต่โมเสสมองดูที่พระเจ้า

บทเรียน

ในชีวิตของพวกเราหลายครั้ง

ก็เจอะเจอเข้ากับสถานการณ์แบบเดียวกันนี้

เมื่อเรามาถึง ทางตัน มองไปทางไหนก็มืดแปดด้าน

วิ่งพล่าน อกสั่นขวัญผวา และหาทางออกไม่พบ

พระธรรมตอนนี้บอกอะไรกับเราบ้าง?

1) เหยื่อติดกับแล้ว พระคัมภีร์บันทึกเรื่องของพวกยิวไว้อย่างน่าสนใจ กองทัพอียิปต์รุกไล่ใกล้เข้ามา ฟาโรห์กล่าวถึงชนชาติอิสราเอลว่า พวกเขาติดอยู่บนบก ถิ่นทุรกันดารกั้นเขาไว้แล้ว” (อพย. ๑๔.๓) หลายครั้งทีเดียวที่ศัตรูของเราคือมารซาตานก็พูดในทำนองเดียวกัน พวกคริสเตียนติดกับดักแล้ว คราวนี้มันเสร็จเราแน่
เปโตรได้บอกแก่ผู้เชื่อว่า ท่าน ทั้งหลายจงถ่อมใจลงภายใต้พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระเจ้า เพื่อว่าพระองค์จะทรงยกท่านขึ้นเมื่อถึงเวลาอันสมควร จงละความกระวนกระวายของไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงสงบใจ จงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่านคือมาร มันวนเวียนอยู่รอบๆดุจสิงห์คำราม เที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้ จงต่อสู้กับศัตรูด้วยใจมั่นคงในความเชื่อ...” (๑ ปต. ๕.๖-๙)

2) ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน พระคัมภีร์บอกว่า ชาวอียิปต์ไล่ตามไป มีทั้งม้าและรถรบของฟาโรห์กับทหารม้า กองทัพของท่านมาทันชนชาติอิสราเอลที่ตั้งค่ายอยู่ริมทะเล” (อพย. ๑๔.๙) ผู้อ่านคงจินตนาการถึงความรู้สึกของพวกยิวในขณะนั้นได้ดี พวกเราคริสเตียนก็เช่นเดียวกัน ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ถูกศัตรูไล่ตามทัน บางคนถูกความยากจนไล่ทัน บางคนถูกดอกเบี้ยและค่างวดไล่ทัน ค่าเล่าเรียน ค่าเช่าบ้าน และความเจ็บไข้ได้ป่วยไล่ตามทัน
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ถูกความผิดบาปไล่ตามทัน เปาโลเตือนคริสเตียนว่า อย่าให้โอกาสแก่มาร” (อฟ. ๔.๒๗) ในภาษาเดิมแปลได้อีกอย่างว่า อย่าให้ที่อยู่แก่มารใน ชีวิตของเรามีบัลลังก์อยู่ และมีพระเยซูประทับอยู่บนบัลลังก์นั้น แต่ชีวิตใดที่ไม่มีพระคริสต์ประทับอยู่ แน่นอน มารซาตานย่อมเข้าครอบครอง

3) พาเรามาตายทำไม?” ขอให้ดูปฏิกิริยาของชนชาติอิสราเอล เมื่อพวกเขามองเห็นกองทัพ
ของฟาโรห์ ก็เกิดความหวาดกลัวยิ่งนัก ร้องทูลพระเจ้าและบอกแก่โมเสสว่า หลุมฝังศพในอียิปต์ไม่มีหรือ ท่านจึงพาเรามาตายในถิ่นทุรกันดาร” (อพย. ๑๔.๑๐-๑๑)
ในมุมมองของกษัตริย์ฟาโรห์เห็นว่า นี่เป็นกับดักในมุมมองของคนยิวเห็นว่า ที่นี่เป็นหลุมฝังศพแต่ในมุมมองของโมเสสคือ ที่นี่คือโอกาสที่จะได้เห็นฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้ามาร ซาตานจะตะโกนข่มขวัญคนที่ขาดความเชื่อว่า เห็นไหม เจ้าหนีไม่พ้นหรอก ไปไม่รอด จอดไม่ต้องแจว จมลงตรงนั้นแหละ เออ นี่คือที่ฝังศพของพวกเจ้าล่ะ!
คุณจะเชื่อฟังพระเจ้าหรือจะฟังเสียงของจอมลวงโลก?

4) คำหนุนใจของโมเสส จะเห็นว่ามีโมเสสเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้าหาญ และแสดงความเชื่ออันมั่นคงออกมาในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ท่านหนุนใจคนยิวว่า อย่ากลัวเลย จงมั่นคงไว้” (ข้อ ๑๓) ชนชาติอิสราเอลมองดูกองทัพของฟาโรห์แล้วเกิดความหวาดกลัว แต่โมเสสมองดูพระเจ้าแล้วเกิดความฮึกเหิม!
เหมือนเมื่อซาอูลมองดูยักษ์โกลิอัทแล้วคิดว่า ใหญ่เกินที่จะตี” (To big can’t hit) แต่

ดาวิดคิดในทางตรงกันข้าม เมื่อเขาเห็นยักษ์ฟีลิสเตีย เขาเห็นว่า ใหญ่เกินที่จะตีพลาด” (To big can’t miss) ยิ่งใหญ่ยิ่งดีสิ รับรองตีไม่พลาดแน่!
โมเสสหนุนใจชาวยิวว่า จงคอยดูความรอดที่มาจากพระเจ้า” (ข้อ ๑๓) เราไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแต่มีความเชื่อและไว้วางใจพระองค์เท่านั้น สงบใจอธิษฐาน นั่นเป็นการเพียงพอแล้ว จง วางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้า อย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า แล้วพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น (สภษ. ๓.๕-๖)
*คนที่วางใจในพระเจ้าจะได้รับพระพร (ยรม. ๑๗.๗)
*ในพจนานุกรมของพระเจ้าจะไม่พบคำว่า ล้มเหลวหรือ เป็นไปไม่ได้พระองค์ตรัสแก่มารีย์ว่า ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระเจ้าทรงกระทำไม่ได้ (ลก. ๑.๓๗) ข้อนี้อ่านแล้วค่อนข้างเข้าใจยากนะ แปลอย่างง่ายๆก็คือ

พระเจ้าทรงสามารถกระทำได้ทุกอย่าง
พระเจ้าตรัสแก่โมเสสว่า จงสั่งให้ชนชาติอิสราเอล ลุกเดินหน้าต่อไป” (ข้อ ๑๕) เมื่อโมเสสยื่นไม้เท้าออกไปเหนือทะเลแดง น้ำก็แหวกออก พวกยิวพากันเดินลงไปเหมือนเดินบนดินแห้ง แต่พอกองทัพของฟาโรห์ลงไปบ้าง น้ำทะเลก็กลับทะลักเข้ามาท่วมและพวกเขาจมน้ำตายหมด
วัน นั้น พระเจ้าทรงช่วยคนอิสราเอลให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของกองทัพอียิปต์ พวกเขาเหลียวไปดูเห็นศพทหารและรถรบลอยเกลื่อน ประชาชนก็ยำเกรงพระเจ้า และเชื่อถือในโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์


วิลเลี่ยม แคร์รี่ย์ มิชชันนารีผู้บุกเบิกการประกาศข่าวประเสริฐในอินเดีย มีคำขวัญประจำใจว่า

จงคาดหวังสิ่งใหญ่จากพระเจ้า และจงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อพระองค์
คริสเตียนที่รัก เวลานี้มีอุปสรรคปัญหาอะไรในชีวิตของท่านบ้าง?
จงร้องทูลแล้วพระเยซูคริสต์ทรงพร้อมที่จะ ผ่าทางตันให้แก่ท่าน.

breakthrought

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น